แพท หายห่วงคุณแม่

แพท หายห่วง ย้ายแม่ไปอยู่ศูนย์ผู้ป่วยฯ ยอมรับ “น้องเรซซิ่ง” ไม่เก่งการเรียน นัมเบอร์วันด้านกิจกรรม


แพท หายห่วงคุณแม่

เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.65) คุณแม่สุดแซ่บ “แพท ณปภา ตันตระกูล” ได้พาลูกชาย “น้องเรซซิ่ง” มาร่วมกิจกรรมจิตอาสา RMHC Paint for Kids เพ้นท์นี้เพื่อน้อง ของมูลนิธิ โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย ณ บ้านพักพิง โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ชั้น 12 อาคาร สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมทั้งได้เปิดใจถึงพัฒนาการของลูกชายในวัยเรียนว่าด้านวิชาการจะไม่ค่อยถนัดและหัวไม่ไวเท่าไหร่ แต่ด้านกิจกรรม น้องคือแถวหน้า น้องที่หนึ่ง

อีกทั้งได้อัปเดตอาการคุณแม่ หลังจากที่ช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา อาการทรุด ทางด้านของ บุ๋ม ปนัดดา ส่งเจ้าหน้าที่จากองค์กรทำดี เข้าช่วยเหลือนำตัวส่งไอซียู แต่พอหลังจากออกจาก รพ. ก็ได้ย้ายท่านไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยฯ

แพทเผยว่า “วันนี้พาลูกมาทำกิจกรรมสายบุญ ก็เป็นการฝึกให้เขารู้จักการเป็นผู้ให้ ตอนนี้น้องยังไม่ปิดเทอม ลูกเป็นเด็กสายกิจกรรม หัวไวในเรื่องอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องเรียน อย่างไปเรียนขี่ม้าครูก็อยากให้ไปแข่ง อยู่บ้านก็เต้นเก่ง สอนแม่ด้วย แต่ตอนนี้คือเขาแค่เขิน ส่วนเรื่องเข้าวงการดูแล้วตอนนี้ยังไม่ได้ เพราะเก่งเวลาอยู่กับแม่คนเดียว คาดอาจต้องให้เวลาสักพัก

ส่วนเรื่องเรียน ตอนนี้เวลาจะให้ลูกเรียนอะไรก็จะถามความสมัครใจของเขาก่อน เพื่อให้เอ็นจอยกับการเรียน เราเปิดกว้างให้ลูกเผื่อเขาจะเจอตัวตนของเขา แม้เขาจะไม่ชอบเรื่องเรียนแต่ก็คิดว่าทิ้งไม่ได้”


แพท หายห่วงคุณแม่

ส่วนเรื่องของคุณแม่ที่ให้ไปอยู่ที่ศูนย์ แพทเผยว่า “ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ หลังจากที่คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปครั้งนั้นที่เข้าไอซียู พอกลับออกมาแพทก็เลยมีการตัดสินใจว่า จะให้ไปอยู่บ้านแล้วจ้างพยาบาลหรือจะให้อยู่ที่ศูนย์เลย

สรุปหลังจากที่คุยกับพี่ๆพยาบาล ทุกคนก็เชียร์ให้ไปอยู่ที่ศูนย์ หลังจากนนั้นสิ่งที่เห็นเลยคือพวกแผลไม่มี และแผลกดทับที่เคยเป็นหนักมากที่ลึกถึงกระดูก ตอนนี้แผลปิดหมดทุกที่แล้วค่ะ ไม่มีแผลกดทับแล้ว ตอนนี้คุณแม่ให้อาหารทางสายผ่านจมูก เพราะคุณแม่อาจจะลืมเรื่องของการกลืนไปบ้าง ที่ศูนย์ก็มีฝึกกลืนน้ำลาย ยังคงให้น้ำด้วยการป้อนให้มีการกลืน เพราะเขากลัวจะลืมไปเลย นอกนั้นก็คือโอเคมากไม่มีอะไร ไม่มีการใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่มีโรคแทรกซ้อน สบายใจ

แพทเผยอีกว่า “ทุกวันนี้หลังจากเสร็จงานเราก็ไปอยู่กับเขา ไปนั่งคุยกับเขาให้เขาได้ตื่นตัว คุยกับเขาทุกวันว่า อย่าเพิ่งรีบไปไหนนะ คุณยังไม่ได้เห็นความสามารถของหลานคุณเลย ซึ่งจริงๆไม่ค่อยตอบสนองแล้วค่ะ แต่แค่ไม่มีโรคแทรกซ้อนหรืออะไรที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกก็น่าจะโอเคแล้ว ตอนนี้ยอมรับว่าทำงานสบายใจขึ้น ตอนแรกคิดว่าการไปอยู่ที่ศูนย์เราจะต้องกังวลมากๆเพราะกลัวจะไม่มีเวลาไปเยี่ยม แต่โชคดีที่ศูนย์ใกล้ที่ทำงานและมีผู้เชี่ยวชาญรายงานทุกๆ4ชั่วโมง

ส่วนค่ารักษาก็พอสมควร เราก็ต้องทำงานหนักขึ้น แต่มันเป็นสิ่งที่ดี แพทคิดอย่างนี้ ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แค่เราต้องเหนื่อยขึ้นอีกนิดนึงแค่นั้นเอง ไม่เป็นไรค่ะ ยังไหว”